ช็อก ครูฝึกบินหัวใจหยุดเต้น ผู้ช่วยนึกว่าล้อเล่น นำเครื่องลงแล้วถึงรู้

ช็อก ครูฝึกบินหัวใจหยุดเต้น ผู้ช่วยนึกว่าล้อเล่น นำเครื่องลงแล้วถึงรู้

ทันโลกข่าวต่างประเทศ

ครูฝึกบินในอังกฤษหัวใจหยุดเต้นเสียชีวิตกลางอากาศ แต่ผู้ช่วยนักบินกลับนึกว่าเขาล้อเล่น และรู้ตัวว่าชายคนนี้เสียชีวิตจริงๆ ก็หลังจากนำเครื่องบินลงจอดแล้ว

ตามรายงานความปลอดภัยประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเผยแพร่โดยสำนักงานสืบสวนอุบัติเหตุทางอากาศ (AAIB) ของอังกฤษ ผู้ช่วยนักบินนึกว่าครูฝึกบินของเขาแกล้งหลับขณะที่ทั้งคู่บังคับเครื่องบินวนบนฟ้าใกล้กับสนามบิน แบล็กพูลในแลงคาเชียร์

ทั้งคู่ควบคุมเครื่องบินเล็ก 4 ที่นั่ง Piper PA-28 เพื่อฝึกฝนการควบคุมเครื่องบินท่ามกลางสถานการณ์ลมแรง โดยก่อนขึ้นบินทั้งคู่ยังพูดคุยกันเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม หลังจากขึ้นบินได้ไม่นาน ศีรษะของครูฝึกกลับหงายไปด้านหลัง แต่เนื่องจากที่ทั้งสองคนสนิทกันมาก นักบินรายนี้จึงนึกว่าครูฝึกแกล้งหลับ

พอนักบินควบคุมเครื่องวนครบรอบ ตัวของครูฝึกก็เอียงมาด้านข้างจนศีรษะซบบนไหล่ของเขา นักบินก็ยังคิดว่าเป็นการล้อเล่นของครูฝึก ทว่าหลังนำเครื่องลงจอดอย่างปลอดภัยแล้ว ศีรษะของครูฝึกก็ยังซบอยู่ที่เดิมและไม่มีการตอบสนอง นักบินจึงรู้ตัวว่าผิดปกติ และขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินของสนามบิน แต่ไม่อาจช่วยชีวิตครูฝึกไว้ได้

รายงานของ AAIB ระบุอีกว่า ครูฝึกรายนี้มีชั่วโมงบินเกือบ 9,000 ชั่วโมง มีสภาพจิตใจที่ดีและร่าเริงเหมือนปกติก่อนขึ้นบินเที่ยวสุดท้าย โดยไม่มีสัญญาณใดๆ บ่งชี้เรื่องปัญหาสุขภาพเลย

แผนกการแพทย์ของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งสหราชอาณาจักร ทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวมถึงตรวจสอบประวัติการรักษาของครูฝึกรายนี้และได้ข้อสรุปว่า เขาน่าจะเกิดอาการหัวใจหยุดเต้นขณะที่เครื่องบินบินขึ้น โดยเขามีอาการความดันเลือดสูงอยู่ก่อนแล้ว แต่ยังไม่เกินขีดจำกัดที่ห้ามขับเครื่องบิน

AAIB สรุปรายงานว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่ผู้ช่วยนักบินมีคุณสมบัติเพียงพอและสามารถนำเครื่องลงจอดได้อย่างปลอดภัย มิเช่นนั้นผลลัพธ์คงแตกต่างออกไป

อัพเดทข่าวต่างประเทศ มาใหม่ แนะนำข่าวเพิ่มเติม :  “จีน” ไขความลับ “สหรัฐ” ใช้อำนาจ (เกินกว่า) รัฐนอกดินแดน

“จีน” ไขความลับ “สหรัฐ” ใช้อำนาจ (เกินกว่า) รัฐนอกดินแดน

แหล่งข่าวสถานทูตจีนเผยเอกสารในวันนี้ เกี่ยวกับมุมมองต่อการใช้เขตอำนาจนอกดินแดน (long arm jurisdiction) ของสหรัฐ

จนถึงตอนนี้ดูเหมือนขอบเขตอำนาจรัฐจะครอบคลุมจีน รัสเซีย เกาหลีเหนือ คิวบา ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร เยอรมนี ญี่ปุ่น และอื่นๆ ทั่วโลก เพียงคำว่ามหาอำนาจโลก ท่ามกลางความตึงเครียดที่เป็นผลจากเหตุการณ์สหรัฐยิงบอลลูนของจีนที่อ้างว่าพลัดหลงออกนอกเส้นทาง ตกลงในน่านน้ำสหรัฐ เนื่องจากล่วงล้ำอธิปไตยประเทศนั้น มีส่วนสำคัญทำให้ทางการจีนต้องเปิดเผยเอกสารสำคัญที่วิเคราะห์ “การใช้เขตอำนาจรัฐนอกดินแดนของสหรัฐ” อย่างละเอียด โดยมีเนื้อหาใจความสำคัญ 6 ข้อที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางปฏิบัติของสหรัฐ ในฐานะมหาอำนาจโลกกำลังใช้กฎหมายของประเทศตนเองตัดสินประเทศต่างๆ ทั่วโลก

ข่าวต่างประเทศยุโรป

1.ความหมายขอบเขตอำนาจรัฐนอกดินแดน

ในทางกฎหมายของสหรัฐ ขอบเขตอำนาจรัฐนอกดินแดนหมายถึง เขตอำนาจที่อยู่เหนือบุคคลหรือหน่วยงานที่มีภูมิลำเนาหรืออาศัยอยู่นอกอาณาเขตของรัฐที่ทำการคว่ำบาตร โดยพื้นฐานทั่วไป การใช้เขตอำนาจรัฐนอกดินแดนจะพิจารณาตามอำเภอใจโดยรัฐบาลสหรัฐ เพื่อเป็นการบังคับใช้เขตอำนาจรัฐนอกดินแดนเหนือหน่วยงาน และบุคคลของประเทศอื่นๆ ให้อยู่ภายใต้กฎหมายในประเทศตนเอง

2.ระบบของการใช้เขตอำนาจรัฐนอกดินแดน

ในช่วงหลายปีของการใช้เขตอำนาจรัฐนอกดินแดนสหรัฐได้ค่อยๆ พัฒนากฎหมายอย่างเป็นระบบที่มาช่วยเสริมกำลัง และเชื่อมโยงเพื่อใช้เขตอำนาจรัฐนอกดินแดนในระยะยาว พร้อมกับลดเกณฑ์ และขยายอำนาจดุลยพินิจอย่างต่อเนื่อง   ด้วยเหตุนี้จึงมีการกำหนดขอบเขตอำนาจศาลสำหรับใช้ในระยะยาว เพื่อเป็นเครื่องมือของสหรัฐนำไปใช้ในทางการทูต และพัฒนาไปสู่ความเป็นเจ้าโลก และแสวงหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐยังสนับสนุนการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรผ่านระบบ SWIFT และ CHIPS ซึ่งทั้งสองเป็นระบบการชำระเงินข้ามพรมแดน และการหักเงินในบัญชีข้ามพรมแดน ก็เพื่อตัดขาดการติดต่อกับสถาบันการเงินของประเทศนั้นๆ มุ่งเน้นการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ

3.สหรัฐมุ่งขยายการใช้เขตอำนาจรัฐนอกดินแดน

สหรัฐได้พัฒนาระบบกฎหมายสำหรับการใช้เขตอำนาจรัฐนอกดินแดน ตั้งแต่เรื่องเล็กไปถึงเรื่องที่ใหญ่ขึ้น และประเด็นซับซ้อนยิ่งขึ้น ดังนั้นการใช้เขตอำนาจรัฐนอกดินแดนได้กลายเป็นวิธีการที่สหรัฐใช้คว่ำบาตรฝ่ายเดียวจึงเป็นเรื่องที่ผิด โดยปกติแล้ว สหรัฐใช้อำนาจตุลาการเพื่อตัดสินใจให้หน่วยงาน หรือบุคคลนอกดินแดนต้องรับผิดชอบต่อการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคว่ำบาตรของสหรัฐ

4.“สหรัฐ” หนึ่งเดียวมหาอำนาจด้านการคว่ำบาตรของโลก

ในรายงานกระทรวงการคลังของสหรัฐ ภายในปีงบประมาณปี 2021 พบจำนวนหน่วยงาน/บุคคลที่ยังถูกสหรัฐคว่ำบาตร และหน่วยงาน/บุคคลที่เพิ่มชื่อเข้ามาใหม่ รวมมากกว่า 9,400 รายการ

สหรัฐได้บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวที่นอกเหนือข้อระเบียบของสหประชาชาตินั้นอยู่บ่อยขึ้น อย่างในปี 2021 เพียงแค่ปีเดียว กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานอื่นๆ ของสหรัฐได้กลับมีหน้าที่คว่ำบาตร แทนการปฏิบัติตามมติ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) สิ่งนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการทำหน้าที่ปกติของ UNSC ในการรักษาสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศ

5.ละทิ้งระบบเศรษฐกิจตลาดเสรีนิยม สู่การใช้เขตอำนาจรัฐนอกดินแดนเต็มสูบ

เพื่อรักษาอำนาจสูงสุดทางเศรษฐกิจ และเทคโนโลยีเอาไว้ สหรัฐจึงใช้เขตอำนาจรัฐนอกดินแดนอย่างมิชอบ มุ่งแทรกแซงการค้าระหว่างประเทศ และการแข่งขันทางการค้าตามปกติ บางครั้งถึงขั้นใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อสกัดกั้นการค้ากับบริษัทเหล่านั้น สิ่งนี้เท่ากับสหรัฐได้ประกาศถอนตัวจากแชมป์ของระบบเศรษฐกิจตลาดเสรีนิยมที่ตนเองประกาศเป็นผู้นำมาอย่างยาวนาน

6.การลงโทษเพียงฝ่ายเดียวของสหรัฐ ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ สหรัฐได้ออกมาตรการคว่ำบาตรเพียงฝ่ายเดียวต่อหน่วยงานในต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง ถือว่า มีส่วนในการ “ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน” กับหน่วยงานหรือบุคคลที่ถูกลงโทษ โดยไม่สนใจข้อเท็จจริงว่า “สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของพวกเขาก็มีสิทธิได้รับการคุ้มครอง” เช่นกัน

ข่าวแนะนำ : จีนระงับออกวีซ่าระยะสั้นใน เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น ตอบโต้คุมเข้มโควิด

จีนระงับออกวีซ่าระยะสั้นใน เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น ตอบโต้คุมเข้มโควิด

จีนระงับออกวีซ่าระยะสั้นใน เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น ตอบโต้คุมเข้มโควิด

ทันโลกข่าวต่างประเทศ

จีนสั่งระงับการออกวีซ่าระยะสั้นในเกาหลีใต้และญี่ปุ่นแล้ว ตอบโต้ที่ทั้งสองประเทศใช้มาตรการเข้มงวดควบคุมนักเดินทางจากแดนมังกร เพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19 รัฐบาลจีนประกาศระงับการออกวีซ่าระยะสั้นให้แก่บุคคลจากเกาหลีใต้และญี่ปุ่นแล้ว เพื่อตอบโต้มาตรการควบคุมนักเดินทางจากประเทศจีน เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทั้งสองประเทศหวนกลับมาบังคับใช้ใหม่อีกครั้ง หลังการระบาดในแดนมังกรรุนแรงขั้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลกรุงปักกิ่ง ระบุว่า การระงับออกวีซ่าแก่ชาวเกาหลีใต้จะบังคับใช้ต่อไป จนกว่าข้อจำกัดการเข้าประเทศอย่างเลือกปฏิบัติต่อนักเดินทางจากจีน จะถูกยกเลิก ญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ไม่ได้เป็นเพียง 2 ประเทศที่หวนใช้มาตรการควบคุมนักเดินทางจากจีน แต่มาตรการของทั้งสองประเทศนับว่าเข้มงวดที่สุด เมื่อสัปดาห์ก่อน รัฐบาลกรุงโซลเพิ่งสั่งระงับการออกวีซ่านักท่องเที่ยวแก่ผู้ที่เดินทางมาจากจีน ซึ่งกระทรวงต่างประเทศจีนระบุว่า เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ และไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ในขณะที่ญี่ปุ่นยังอนุญาตให้นักเดินทางจากจีนเข้าประเทศ แต่ต้องมีหลักฐานแสดงว่าผลตรวจโควิดเป็นลบ คล้ายกับมาตรการที่สหราชอาณาจักร หรือสหรัฐฯ ใช้ แต่ญี่ปุ่นจำกัดเที่ยวบินจากจีนมุ่งสู่บางเมืองในประเทศด้วย