ฟันน้องหมา ดูแลอย่างไรให้แข็งแรง
เทคนิคดูแล “ฟันน้องหมา” ให้สะอาดและแข็งแรงอยู่เสมอ ๆ
สุนัข เป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมที่ใครหลายคนต้องมีเป็นเจ้าของ นอกจากความแสนรู้ของมันแล้ว ยังช่วยทำให้ชีวิตในแต่ละวันไม่น่าเบื่ออีกด้วย ด้วยบุคลิกแสนซนอันแข็งแรงของน้องนั้นทำให้เจ้าของต้องใส่ใจน้องๆ เป็นอย่างดี
นอกเหนือจากสุขภาพร่างกายแล้ว สุขภาพปากและฟันของสุนัขเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะหากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกวิธี อาจส่งผลถึงกลิ่นปากและปัญหาตามมากอีกมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มพบในสุนัขอายุตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป ซึ่งสามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้ตามนี้
- ลมหายใจมีกลิ่นหรือเปล่า?
หากลมหายใจของน้องหมาเริ่มมีกลิ่นเหม็น แล้วกินอาหารได้น้อยลงกว่าปกติ เริ่มมีอาการอาเจียนและทานน้ำมากขึ้น หรือฉี่บ่อยครั้ง เป็นสัญญาเริ่มต้นที่ควรรีบไปหาสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพของน้องอย่างเร่งด่วน
- ช่องปากปกติหรือเปล่า?
ลองเปิดช่องปากของน้องเช็คความผิดปกติของเหงือกและฟันอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง หากมีสีคล้ำ ซีดขาวหรือแดงเกินไป หรือเริ่มมีอาการบวมให้เห็น หรือมีคราบฟันและหินปูนเกาะอยู่ ก็สามารถพาน้องไปพบสัตวแพทย์ได้เลย
- อาการที่ผิดปกติ?
หากน้องหมาของเรามีอาหารที่พบตุ่มหรือก้อนเนื้อหที่เหงือก หรือมีตุ่มใสปรากฎที่เหงือก หรือมีอาการเหงือกอักเสบ น้ำลายไหลยืดตลอดเวลา หรือเหงือกร่นจนฟันหลุด ถึงเวลาที่ต้องพบสัตวแพทย์แล้วล่ะ
การแปรงฟัน
ทางแก้ปัญหาเบื้องต้นนอกเหนือจากที่จะให้น้องสุนัขรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมบำรุงกระดูกและฟันแล้ว หรือการได้ทานขนมที่มีการกัดแทะ หรือการเล่นของเล่นที่มีการขบเคี้ยว ก็จะช่วยทำให้สุขภาพฟันและช่องปากแข็งแรง แต่ต้องอย่าลืมที่จะแปรงฟันให้กับน้องด้วยนะ
วิธีการแปรงฟันนั้น ในระยะแรกไม่จำเป็นต้องใช้แปรงสีฟัน แต่ใช้นิ้วนวดบริเวณเหงือกและฟันของน้อง เพื่อให้เกิดความเคยชินและผ่อนคลายต่อการจับบังคับในการแปรงฟันครั้งต่อๆ ไป โดยใช้เวลานวดประมาณ 1 นาทีต่อครั้ง วันละ 1-2 ครั้ง และทำติดต่อกันประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนใช้แปรงสีฟัน
เมื่อน้องสุนัขเริ่มชินกับการนวดของเราแล้ว ลองใช้ยาสีฟันสำหรับสุนัขไปพร้อมกับการนวดด้วยเพื่อให้เกิดความเคยชินกับการใช้ยาสีฟันรวมทั้งรสชาติที่เกิดขึ้น เมื่อผ่านไป 1-2 สัปดาห์แล้วจึงค่อยๆ เริ่มการใช้แปรงสีฟันสำหรับสุนัขในการแปรงฟันน้องๆ โดยพยายามแปรงด้วยความระมัดระวังและอ่อนโยนด้วยนะ
ข้อควรระวังคือ หากแปรงฟังให้น้องหมา ต้องใช้แปรงที่ทำขึ้นเพื่อสุนัขเท่านั้น เนื่องจากออกแบบให้เป็นไปตามลักษณะของสุนัขและช่องปากมากกว่าแปรงฟันของคน
อาหารและขนม
อาหารและขนมนั้นถือว่าเป็นการส่งผลโดยตรงกับสุขภาพร่างกาย รวมไปทั้งเหงือกและฟันอีกด้วย โดยอาหารที่แนะนำควรเป็นอาหารเม็ดที่ช่วยในการขัดฟันและลดปัญหากลิ่นปากได้ ส่วนอาหารที่ปรุงสุกหรืออาหารเปียกนั้นไม่แนะนำให้ทานบ่อย เพราะเนื้อสัมผัสที่อ่อนโยนจะไม่สามารถขัดฟันและอาจเกาะติดจนเป็นคราบหินปูนได้
ส่วนขนมนั้น ควรเลือกขนมที่มีลักษณะรูปทรงที่เหมาะกับการกัด ขบ เคี้ยวของน้องสุนัข เช่น รูปทรงตัวเอ็กซ์ ที่ช่วยให้น้องหมาของเราเพลิดเพลินและยังได้ขัดฟันด้วย เป็นการทำความสะอสดไปในตัวรวมทั้งทำให้เหงือกมีสุขภาพที่ดี โดยควรให้เพียงวันละ 1 แท่ง หากให้มากกว่านี้อาจเกิดผลเสียแต่สุขภาพเนื่องจากได้รับสารอาหารที่มากเกินไปนั่นเอง
ตรวจสุขภาพ
นอกเหนือจากอาการที่แนะนำไปข้างต้นแล้ว ถึงแม้จะยังไม่แสดงอาการออกมา แต่อยากให้เจ้าของน้องหมาทุกท่านไม่ละเลยในการพาน้องๆ ไปพบสัตวแพทย์อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อตรวจหาความผิดปกติของทั้งช่องปากและร่างกาย หากพบเจอจะได้ทำการแก้ไขและรักษาได้ทันที
แนะนำข่าวสัตว์เลี้ยงเพิ่มเติม : แมวเหมียวเครียดง่ายกว่าที่คิด